ใครว่าคนโตเกียวไม่เป็นหนี้!
29 ส.ค. 2566 00:00จากเรื่องเล่าสาวออฟฟิศที่อาศัยอยู่ในโตเกียว! ที่ถ่ายทอดในบทสัมภาษณ์ในคอลัมน์ชีวิตความเป็นอยู่ ในเว็บไซต์แห่งหนึ่ง
“คุณคิดว่าคนญี่ปุ่นเป็นหนี้ไหม?
สิ่งที่ฉันจะเขียนต่อจากนี้คือ เมื่อชีวิตฉันมีภาระหนี้สิ้นท่วมหัวและมีชีวิตที่สิ้นหวัง
ฉันเป็นสาวออฟฟิศอายุ 42 ปีที่อาศัยอยู่ในโตเกียว!
ฉันเคยคิดว่าฉันมีเงินและความสุขเพียงพอสําหรับชีวิตที่เหลือของฉัน แต่ชีวิตจริงมันเหมือนเรื่องโกหก ก่อนหน้านี้เมื่อสองเดือนที่แล้ว ฉันถูกหลอกลวงให้แต่งงานกับผู้ชายที่เจอกันทางเว็บไซต์หาคู่ ฉันต้องสูญเสียเงินและทรัพย์สินไปกับเขาทั้งหมด 8 ล้านเยน
ตอนเด็ก ๆ ฉันเป็นคนเก็บเงินเก่ง ค่อย ๆ ออมเงินอย่างขยันขันแข็งตั้งแต่ฉันเพิ่งเรียนจบใหม่ ๆ
มันจึงเป็นทรัพย์สินที่ฉันหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของฉันทั้งหมด แต่แล้วชีวิตฉันก็พังทลาย...ยอดคงเหลือในบัญชีก็ถึงจุดต่ำใสุดเช่นกัน และสิ่งที่เหลืออยู่คือใบแจ้งหนี้จำนวนมาก
จากนั้นวงจรด้านลบในชีวิตฉันก็เริ่มเกิดขึ้น เขาทำร้ายฉัน
โศกนาฏกรรมที่ไม่มีวันสิ้นสุด...
และก็ทำดีด้วย "มาทําให้ดีที่สุดกันอีกครั้งนะ..."
มันเป็นคำดี ๆ เพียงตอนที่ฉันตัดสินใจที่จะเดินออกมา
อยู่มาวันหนึ่งหัวหน้างานโทรศัพท์หาฉันและพูดว่า
"ผมขอโทษจริง ๆ แต่...เราไม่สามารถจ้างงานคนงานได้อีกต่อไป"
ฉันจึงถูกไล่ออกเพราะผลประกอบการทางธุรกิจของบริษัทแย่ลง...
นอกจากนี้ มันไม่ได้จบลงแค่นี้
แม่ของฉันป่วย
ฉันต้องการหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่แสนแพง
ฉันมองหางานใหม่ เพื่อหาเงินมาช่วยแม่อย่างสิ้นหวัง
มันเป็นความพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง ด้วยอายุมากและพิษเศรษฐกิจจากวิกฤติโคโรนา
ฉันไม่สามารถหาค่าครองชีพของตัวเองได้...
ในขณะที่หางานทํา ฉันต้องรับจ้างทํางานยกของตั้งแต่เช้าจรดค่ำในช่วงกลางวัน อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่สามารถหาเลี้ยงชีพด้วยงานช่วงกลางวันเพียงอย่างเดียวได้
ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจยืมเงินจากการกู้เงินในใบประกาศให้กู้เงิน
ค่ารักษาพยาบาลของแม่ฉันยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
และเมื่อถึงเวลาที่ฉันรู้ตัว มันก็สายเกินไปเสียแล้ว
ฉันเป็นหนี้ถึง3 ล้านเยน...
แบบทบต้นทบดอก
ฉันยังคงจ่ายได้เฉพาะดอกเบี้ยทุกเดือน
ชีวิตจริงที่หดหู่
ฉันถูกหลอกลวงโดยคนที่ขอแต่งงาน
ฉันตกงาน และแม่ของฉันก็ช่วยฉันไม่ได้เช่นกัน
ฉันทําอะไรลงไป...?
เมื่อฉันไปทํางานช่วงกลางวัน เพื่อนร่วมงานของฉันชื่อโทโมโกะ ที่เคยเป็นเพื่อน เป็นแสงสว่างแห่งความหวัง...! เธอปรี่มาหาฉันในวันหนึ่ง แล้วบอกให้ทราบว่า
ขอบคุณสําหรับการทํางานอย่างหนักของคุณนะ!
อันที่จริงคือวันนี้โทโมโกะตัดสินใจลาออกจากงาน เธอมาขอบคุณที่เป็นเพื่อนกับเธอ! (ขอบคุณที่เข้ากันได้)
จริงเหรอ เข้าใจจ้ะ...! แต่มันคงเหงามาก
แต่ฉันไม่ได้บอกว่าฉันเป็นหนี้
ไม่ได้บอกว่าชีวิตฉันมีปัญหา
ฉันถามโทโมโกะว่า คุณได้งานที่ไหนสักแห่งหรือยัง?
โทโมโกะตอบว่าไม่.. เธอยอมแพ้ที่จะหางานทํา!
หรือเธอก็เจอวิกฤตเช่นกัน
ชีวิตในโตเกียว ไม่ใช่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบเหมือนที่ฉันคิด ไม่ได้มีความสุขศิวิไลซ์อย่างที่หลายคนเข้าใจ แล้วชีวิตจริงฉันต้องไปต่ออย่างไร?